การเดินทางไปท่องเที่ยวพร้อมกับเพื่อนฝูงเนี่ยเป็นอะไรที่สนุกสุดๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะ ? แต่บางครั้งคุณก็อาจเจอปัญหาเวลาว่างไม่ตรงกันหรือไม่ก็มากคนมากความ อาจทำให้ #ทริปล่ม โดยไม่ตั้งใจได้ เลยทำให้หลายๆ คนเริ่มหันมามุ่งสู่เส้นทางการ ‘เที่ยวคนเดียว’ เพราะคุณจะได้มีเวลาสำรวจความคิดตัวเองแถมยังได้พักผ่อนแบบไม่ต้องมีใครกวนใจอีกด้วย ปะ!ไปชม 10 สถานที่ที่ควรไปคนเดียวสักครั้งในชีวิตกันดีกว่า
1. สวนพฤกษศาสตร์ (Singapore Botanic Gardens) ประเทศสิงคโปร์
เริ่มกันที่ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนละกัน สวนพฤกษศาสตร์กลายเป็นปอดของสิงคโปร์ ที่ตั้งใจจะทำให้ประเทศร่มรื่นและเขียวขจี จุดเด่นคือมีพืชมากมายหลากหลายพันธุ์ มีสวนกล้วยไม้สายพันธุ์ใหม่และสายพันธุ์หายาก นอกจากนี้ยังมีนกนานาชนิดให้ชมกันอีกด้วย ใครที่รักธรรมชาติและพันธุ์ไม้ห้ามพลาด
2. ประเทศเวียดนาม
เวียดนามเป็นอีกประเทศที่มีกลิ่นอายของอาเซียน มีเมืองใหญ่อย่างฮานอยและโฮจิมินห์ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปเยือน หากคุณได้มีโอกาสไปเวียดนามขอแนะนำให้ลองไปเดินชมตลาดพื้นเมืองดูนะ มีของกินอร่อย ราคาไม่แพงแถมยังได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านด้วย
3. เมืองดูบรอฟนิก ประเทศโครเอเชีย
เมืองแห่งเทพนิยายที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันถึง ด้วยสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างที่คลาสสิกและกลายเป็นมนต์เสน่ห์แห่งยุโรป อากาศเย็นสบาย ทิวทัศน์เมืองเก่าที่สวยงาม หากได้มาเที่ยวที่นี่ล่ะก็คุณจะเดินชมเมืองเพลินจนลืมเวลาไปเลยล่ะ ยิ่งถ้ามาคนเดียวล่ะก็ลองหาคาเฟ่เก๋ๆ นั่งอ่านหนังสือ จิบกาแฟก็ชีวิตดี๊ดีไปอีก
4. ประเทศนิวซีแลนด์
นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่มีลักษณะภูมิประเทศที่สวยงาม แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมให้ทำแบบไม่เบื่อเลย โดยเฉพาะกีฬาแนวแอดเวนเจอร์ทั้งหลาย รับรองว่าไม่เหงาแน่นอน สนุกจนลืมเบื่อไปเลยล่ะ
5. เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา
เมืองท่าชายฝั่งที่มีชื่อเสียงของรัฐบริติชโคลัมเบีย ผสมผสานระหว่างความเป็นเมืองและความเป็นธรรมชาติที่ลงตัว มีเทือกเขาทอดตัวยาวเป็นฉากหลังของเมือง โอบล้อมไปด้วยภูเขาและทะเล อากาศอบอุ่นสบายตลอดทั้งปี สะอาดและปลอดภัย เคยได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่อันดับ 1 ของโลก
6. กรุงเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ญี่ปุ่นก็ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนอย่างสม่ำเสมอ แม้กรุงโตเกียวจะมีความก้าวหน้ามาก แต่ก็ยังมีธรรมชาติที่สวยงามให้ชมด้วยนะ โดยเฉพาะช่วงปลายปีจะถึงเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสี อากาศหนาวๆ ให้บรรยากาศสุดแสนโรแมนติกเลยล่ะ
7. เมืองกรานาดา ประเทศสเปน
เมืองกรานาดาตั้งอยู่บริเวณเชิงเทือกเขาเซียร์ราเนวาดา ซึ่งอยู่ในจุดที่แม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ของราชอาณาจักรสเปนในอดีต มีความเข้มข้นทางวัฒนธรรมและมีสิ่งก่อสร้างโบราณที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสามเมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษาอีกด้วย
8. ไทเป ไต้หวัน
กระแสท่องเที่ยวไต้หวันมาแรงมากๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา ที่สำคัญไต้หวันให้ฟรีวีซ่าแก่คนไทยด้วยนะ หากใครได้ไปเยือนไทเปแล้วล่ะก็ จะต้องหลงรักเมืองนี้แน่ๆ เพราะนอกจากจะเป็นเมืองศูนย์รวมแฟชั่นและเทคโนโลยีแล้ว ยังมีของกินสุดอร่อยแนว street food ให้เลือกกินอย่างจุใจเลยล่ะ
9. ประเทศไอซ์แลนด์
ไอซ์แลนด์ได้ชื่อว่าเป็นประเทศในยุโรปที่มีการพัฒนาสูงที่สุดในโลก มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาก เช่น ธารน้ำแข็ง อุทยานธรรมชาติ น้ำตก ภูเขา เรียกได้ว่าขึ้นชื่อด้านความสวยงามของภูมิทัศน์ นอกจากนี้ยังมี Blue Lagoon ซึ่งเป็นสปาน้ำพุร้อนที่นักท่องเที่ยวนิยมไปแช่ผ่อนคลาย
10. ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งยุโรป มีวัฒนธรรมที่น่าหลงไหล และยังมีทัศนียภาพที่สวยงาม โดยเฉพาะปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่น่าพิศวง ไม่ว่าจะเป็นปรากฎการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืน หรือ ปรากฎการณ์แสงเหนือ ที่อาจจะเติมเต็มความฝันในการล่าแสงเหนือให้ใครหลายๆ คน หากมีโอกาสได้มา รับรองว่าต้องประทับใจมิรู้ลืมแน่นอน